Showing posts with label Business. Show all posts
Showing posts with label Business. Show all posts
ปกต้นฉบับ

อ่านเล่มภาษาไทยนะ ราคาถูกกว่ามากกกกกก....เพื่อนถามว่าอ่านอะไรนักหนา อ่านหมดมั้ย? อ่านหมดนะ...ยิ่งเล่มไหนหนุกๆ เนี่ย ชอบเลยยยย เล่มที่เปิดแล้วหลับก็มีเยอะ LOL

เล่มนี้อ่านแล้วอินเนอร์มาเต็ม กล้าออกเรือก็ว่าต้องใช้พลังเยอะแล้ว การที่จะบังคับเรือให้ไปในทิศทางที่ดีที่สุด ตรงฝั่งที่สุด มันต้องอาศัยความกล้ามากกว่าอีก...มันต้องเอาให้สุด!

ปกภาษาไทย
เรื่องความถูกต้องของภาษามิรู้ได้นะคะ เพราะเราไม่ได้อ่านเปรียบเทียบกัน แต่เนื้อหาย่อยง่าย อ่านเพลินๆ แป๊บเดียวก็จบแล้ว

ขนาดเล่ม : A5
สำนักพิมพ์ : ฮักแต๊แต๊
วางจำหน่าย : 1 กรกฎาคม 2558
ราคา : 279 บาท (ในยุคที่ค่าเงินบาทขนาดนี้ อ่านที่เขาแปลมาเห้อออ ถูกกว่ากันครึ่งนึง เทียบกับราคา paper back นะคะ)

ฟีลลิ่งที่เกิดขึ้น :

  • อย่าตัดสินหนังสือจากปกอีกแล้ว เพราะปกทำให้เราคิดว่าราคาคงไม่แรง ... ไม่น่าจะเกิน 200 แต่พออ่านเนื้อหาก็รู้สึกว่า ปกไม่สวยนี่มันทำให้ตั้งราคาได้ยากเหมือนกันเนอะ ราคาขนาดนี้โคตรคุ้ม!
  • เป็นหนังสือสร้างแรงบันดาลใจ ของบรรดาเรือเล็กที่กำลังจะออก หรือเพิ่งจะออกจากฝั่ง หรือกระทั่งเรือที่คิดว่าลอยอยู่กลางทะเลนานเกินไปแล้ว ทำไมยังไม่ถึงฝั่งสักที ^^ 
  • เราได้อะไรมากมายจากหนังสือเล่มนี้ (เธอได้มากทุกเล่มนะ รู้สึก 555+) ที่สะเทือนใจเพราะหนังสือเล่มนี้ก่อให้เกิดอารมณ์ร่วม...คนเขียน John Warrilow เป็น นักธุรกิจในแวดวงวิจัยการตลาดเหมือนกัน เจอสภาพอะไรต่อมิอะไรมาคล้ายๆ กับที่เราเจอ ต่างกันตรงที่เขาเป็นเจ้าของ เป็นคนสร้าง และทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จไปแล้ว ในขณะที่เราเป็นลูกจ้างของ SME แห่งหนึ่ง และเคยเป็น freelance researcher ซึ่งห่างชั้นกันยิ่งนัก ผู้น้อยขอคารวะ  
  • เราอ่านเรื่องแนวธุรกิจ-นิยายมา 3 เล่ม มีที่สนุกสองเล่ม คือเล่มนี้ กับเรื่องแปลของญี่ปุ่นอีกเล่มนึง เป็นแนวที่หายาก คนเขียนต้องมีประสบการณ์ จินตนาการ และความสามารถในการเรียบเรียงที่ดีเพียงพอที่จะเขียนให้สนุก 

จุดเด่น

  • หนังสือ How to ที่ยกตัวอย่างโดยร้อยเรียงเป็นเรื่องราว ผ่านตัวละครหลัก 2 ตัว คือ อเล็กซ์ เจ้าของธุรกิจการโฆษณาและการตลาดเล็กๆ ที่ตั้งมาแปดปีแล้วย่ำต๊อกอยู่กับที่ และถูกลูกค้าโขกสับอยู่ร่ำไป กับเทด เซียนธุรกิจผู้ปราดเปรื่อง เป็นโชคดีของอเล็กซ์ที่รู้จักกับเทด ทำให้เขาเข้าไปขอคำแนะนำจากเทดในการขายธุรกิจ และต้องไปปรึกษาอาจารย์ทุกสัปดาห์ เขาจะทำให้สำเร็จหรือไม่? เดาได้อยู่แล้วแหละว่าต้องสำเร็จ แต่ระหว่างทางต่างหากที่น่าสนใจ    
  • ที่สำคัญ จบในเล่มจ้าาาา อีกเรื่องที่เราอ่าน รออ่านเล่ม 3 อยู่เนี่ย รู้สึกค้างคาชะมัดเลย 


เนื้อหาในเล่ม 
เนื่องจากเป็นหนังสือที่เริ่มเรื่องด้วยเรื่องราวสมมติ เนื้อหาอาจจะแยกได้เป็น 5 ภาค (เราแยกเอง) ดังนี้

  1. วงจรอุบาทว์ : เจ้าของ SME ที่ต้องรับมือกับสภาพงานสารพัดด้วยตัวเอง ลูกค้าร้ายกาจ ลูกน้องเอาใจยาก หนี้สินล้นพ้นตัว ชีวิตจะไปทางไหนดี? 
  2. หนี : อเล็กซ์ตัดสินใจจริงจังที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้พ้นไปจากวงจรอุบาทว์นี้ จึงไปขอคำแนะนำจากเท็ด 
  3. มุ่งมั่น :  อเล็กซ์มุ่งมั่นที่จะทำตามที่เท็ดแนะนำ "อย่างเคร่งครัด" ระหว่างนี้ต้องเจอบททดสอบมากมาย คือบททดสอบแต่ละอย่าง แลกมาด้วยการสูญเสียรายได้เฉพาะหน้าเป็นจำนวนไม่น้อย แต่สุดท้าย ก็ "ถูกของเท็ด" เฮ้อออ ชีวิตจริงจะเป็นอย่างนี้มั้ยน้า....
  4. ลงสนาม : อเล็กซ์ลงสนาม "การขายธุรกิจ" จริงจังในตอนท้ายเรื่อง และในที่สุด...
  5. ของจริง : ความรู้เพิ่มเติมว่าเงื่อนไขธุรกิจแบบไหนที่จะสร้าง cash cow และประสบการณ์ส่วนตัวของ John ในการทำบริษัทวิจัยการตลาด  

แนะนำค่ะ 
ภาพจาก TCDC Resource Center

เล่มนี้ได้มาเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2558 ในงาน SHIFT : Decode Design Disrupt ในราคา Discount พูดง่ายๆ คือหนังสือทรงคุณค่าที่ขายไม่ออกนั่นล่ะ LoL แต่เราชอบมากเลยยย เนื้อหาดีมากกกก เล่มนี้อาจเรียกได้ว่าแหกโค้ง...555+
ป,ล. มีเรื่องราวเกี่ยวกับงาน Creative Unfold 2015 (CU 2015) อีกเอนทรี่นะคะ


ขนาดเล่ม : A5
สำนักพิมพ์ : TCDC
วางจำหน่าย : 1 กุมภาพันธ์ 2553 ต้นฉบับจริงๆ ก็ 10 ปีผ่านมาแล้ว (พฤศจิกายน 2005)
ราคา : 175 บาท (คุ้มมากกกก ลดจากปก 250 บาท)

ฟีลลิ่งที่เกิดขึ้น :

  • หยิบครั้งแรก คิดว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจเสื้อผ้า เอาวะ เปิดดูหน่อย เผื่อได้ไปเล่าให้จอยฟัง ที่ไหนได้ เป็นเรื่องธุรกิจสร้างสรรค์ทั้งหมด  
  • รูปเล่มกะทัดรัด บางๆ การพิมพ์ที่ละเอียด ประณีต และ Artwork ที่ทำให้ "แนวคิดทางธุรกิจ" ที่ดูจะเป็นสีเทาๆ ทึมๆ ไม่สดใส กลายเป็นเรื่อง "น่าสนุก มีสีสัน และเข้าใจง่าย" ไปเลย
    (ปล. ด้วยความที่ใช้กระดาษดีมากกกก หนังสือจึงหนักมากไปด้วย)
  • เนื้อหาตั้ง 2 ใน 3 เป็นเรื่องเครื่องมือการวิเคราะห์ธุรกิจ การเงิน ที่สอนกันใน MBA คือผู้เขียน David Parrish ทำให้เนื้อหาย่อยง่ายขึ้น และหยิบไปใช้ได้ทันที ตั้งแต่การเริ่มคิดแผนธุรกิจ เหมาะอย่างยิ่งกับคนที่ "ไม่มีเวลา" ทำความเข้าใจ concept ยากๆ พวกนั้น 
  • เป็นหนังสือที่เหมาะจะเป็น How to ของ SME หรือ Entrepreneur ที่กำลังก่อร่างสร้างตัว หรือผู้ที่ก่อร่างสร้างตัวแล้ว จะใช้เป็น checklist อีกทีก็ได้ว่าเรายังขาดอะไรไปบ้างหรือไม่? 
  • อ่านหนังสือเล่มนี้ แล้วรู้สึกเหมือนมี checklist ไว้กับตัวอ่ะ อารมณ์ประมาณนั้น 

จุดเด่น

  • ความเปิ๊ดสะก๊าดของหนังสือ ที่มีธีมชัดเจนว่าด้วยการใช้ทั้ง "เสื้อยืด" ตัวแทนของความคิดสร้างสรรค์ และ "สูท" หลักการทางธุรกิจ ไปพร้อมๆ กัน     
  • มีการสรุปสาระไว้ในหน้าท้ายๆ ด้วย เสื้อยืด 10 ตัว ^^
  • เนื้อหาและข้อมูลอ้างอิงแน่นมาก ... นี่เป็นจุดเด่นของหนังสือทางฝั่งยุโรปหรืออเมริกัน
    หลายต่อหลายเล่มให้ข้อมูลอ้างอิงละเอียดยิบ ทำ index เรียบร้อย นำไปใช้ต่อได้เลย 
  • มีตัวอย่างที่เรียกว่า "ไอเดียเชิงปฏิบัติการ" เหมือนกับ Mini MBA text book 

เนื้อหาในเล่ม 

  1. ความคิดสร้างสรรค์กับธุรกิจ : การแปลงความคิดสร้างสรรค์ให้เป็นทุน หรือการใช้ความคิดสร้างสรรค์เป็นผงชูรสให้กับธุรกิจ
  2. รู้จักตัวเอง : Check list การตรวจสอบตนเองก่อนเริ่มธุรกิจ
  3. เตรียมความพร้อม : Check list การตรวจสอบสภาพแวดล้อม (ทางธุรกิจ) ด้วย ICEDRIPS 
  4. เวทมนตร์แห่งการตลาด : การตลาดคืออะไร ใช้อย่างไร 
  5. การรับมือกับการแข่งขัน : คู่แข่งและคุณ
  6. ปกป้องความคิดเชิงสร้างสรรค์ของคุณ : ด้วยลิขสิทธิ์ และสิทธิบัตร 
  7. นับเงินของคุณให้ดี : ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแบบไหนก็ตาม เรื่องนี้สำคัญยิ่งนัก
  8. โครงสร้างการจัดการของบริษัทที่ดี : องค์กรรูปแบบต่างๆ มีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร
  9. ความเป็นผู้นำและการบริหารจัดการ : คุณต้องเลือก ระหว่างธุรกิจที่คุณได้ทำซึ่งจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก กับธุรกิจที่คุณต้องบริหารจัดการซึ่งสามารถเติบโตได้มากกว่าในอนาคต
  10. ความเป็นไปได้ทางธุรกิจ : แนะเครื่องมือสำหรับการคัดกรองไอเดียของคุณว่าควรค่าแก่การต่อยอดหรือไม่ เพียงใด
  11. เส้นทางสู่ความสำเร็จ : ลงมือเขียนแผนธุรกิจ การวัดผลการดำเนินงาน และการประเมินความเสี่ยง

แนะนำซื้อเก็บค่ะ 



สุดยอดหนังสือที่เป็นแรงบันดาลใจของเราที่ค้นเจอในห้องสมุดทริส เมื่อปี 2012 ตอนนั้นอินจัดมากกก มีหลายสำนักในเมืองไทยก็คลั่งเหมือนกัน และเอามาเป็นแนวทางในการจัดสัมมนามากมาย หนึ่งในนั้นมี ดร.สาวสวยคนเก่งด้วย (ไม่เอ่ยชื่อแล้วกัน) เพราะเราจะบอกว่า ตอนแรกที่เอามาใช้ มันแป๊กมากกกก

หนังสือเล่มนี้เปิดโลกทัศน์เราหลายอย่าง ทั้งการวางโมเดลธุรกิจ การนำเสนอเนื้อหายากๆ ให้เป็นเรื่องง่าย การออกแบบรูปเล่มอย่างประณีต ผ่านการคิดถึงผู้อ่านมาอย่างดี ก็ไม่งั้นจะเพ้อหราาา

มีต่อจ้าาา ...


เร็วๆ นี้นะครัชชชช
นักวิจัยก็ต้องคู่กับ stat ชิมิ แต่เมื่อครั้งนึง อาจารย์ที่สอน stat เราบอกว่า "There are three kinds of lies; lies, damned lies and statistics" เรางี้ถึงกับอึ้ง... หนังสือเล่มนี้ผ่านการดองไว้นานแล้ว...เดี๋ยวมาอ่านกัน ^^

ความชอบส่วนตัว : เราชอบ "ชีวิตนี้ฟ้าลิขิต" มากกว่านะ