ชื่อเรื่องแรงจุงเบย 555
เราเป็นคน "อิน" กับเรื่องผู้พิการทางสายตาค่ะ มากๆ
เพราะลึกๆ แล้วเรากลัวว่าสักวันหนึ่งเราจะเป็นอย่างนั้น
ถ้าเป็นอย่างนั้น โลกของเราจะเปลี่ยนไปเป็นแบบไหน
เราจะมีชีวิตอยู่ยังไง?
ตอนมัธยมต้น เคยอ่านเรื่องสั้น "นรกที่สวรรค์ลืม" ของ มรว.คึกฤทธิ์
คืออินอีก ใจความสำคัญก็คือ การที่เราไม่สามารถมองเห็นแล้วเราใช้จินตนาการ
โลกมันช่างสวยงามเหลือเกินอ่ะ
แต่ทันทีที่ตาของเรามองเห็น...โลกมันกลับไม่เป็นเหมือนอย่างที่เราจินตนาการไว้
มันช็อคนะ สู้เรากลับไปมองไม่เห็นดีกว่ามั้ย 555 เออ...แล้วเรื่องนั้นก็ยังฝังใจอยู่เรื่อยๆ
(จริงๆ แล้วอาจจะเพราะเรามีความบกพร่องที่สายตาสั้นมากๆ ด้วยก็ได้ค่ะ เลยอินจัด)
เมื่อปีที่แล้ววันที่ 1 พ.ค. ไปเที่ยวงานสถาปนิก 57 และงานจักรยาน กับหลานและเพื่อนรัก
เรากับหลานก็หมกมุ่นกับการ "ทดลอง" หลายๆ อย่างในงานที่เปิดให้ลอง
ทั้งการยุยงให้หลานขี่จักรยานผาดโผน การทดลองเป็นคนตาบอด ขาดก็แต่การทดลองเป็นผู้สูงอายุ
ที่ต่อคิวยาวมากกก เกรงใจเพื่อนที่รอ
การขี่จักรยานผาดโผน บนพื้นที่จำลองเล็กๆ ต้องอาศัยความกล้าของเด็กคนนึงพอสมควร
ที่จะไปทดลอง แน่นอนว่าป้าดันอยู่หลายรอบ
รอบแรก กอล์ฟล้ม ... แต่ทีมงานให้กำลังใจดีมาก เพราะพิธีกรบอกว่า
"มันคือการเรียนรู้ครับ" ทำให้กอล์ฟไม่กลัวที่จะเริ่มอีกครั้ง
ท่ามกลางสายตาคนตั้งมากมาย ^^
การเป็นคนนอกอย่างเรา อาจจะมองว่ามันง่าย แต่การบังคับรถในที่ๆ ไม่คุ้นเคย
พื้นที่ที่ไม่ใช่ทางเรียบ เด็กอย่างกอล์ฟก็คงรู้สึกหวั่นๆ เลยทำให้ครั้งแรกของเขาพลาดไป จุดนี้สอนให้เรารู้ว่า
"การให้กำลังใจ เป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาคน" ^^
ที่สนุกกันมากทั้งป้าหลาน คือ การทดลองเป็นคนตาบอด ใช้ชีวิตในบ้านจำลองที่ออกแบบเพื่อคนตาบอด แต่เราต้องใส่ผ้าปิดตาก่อนแล้วใช้ไม้เท้า คลำทางเปะปะไป เล่นกัน 3 รอบ
จนพี่ๆ ที่ดูแลพื้นที่ขำป้ากับหลานมาก ^^" อยู่เลยมั้ย? 555+
คือมันก็ดีนะ แต่คงเพราะเป็นแบบจำลอง เลยแข็งๆ ความสวยงามคิดว่าคงไม่ต้องมี
เพราะเมื่อตารับรู้ไม่ได้แล้ว อาจไม่ต้องสนใจความสวยงามทางสายตา
เราติงที่ข้อนี้แหละ...
จริงหรือที่ว่าคนตาบอดไม่สนใจ "ความงามทางสายตา" ?
เพราะจากการเก็บข้อมูลของทีมออกแบบ The Bradley ที่มีจุดยืนว่า
"It's the only wristwatch out there that lets you feel time"
ซึ่งเพิ่งรู้จากข้อมูลจริงว่า คนที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นยังมีความต้องการ
ข้าวของเครื่องใช้ที่สวยงามเหมือนคนปกติใช้กัน ไม่ใช่ข้าวของที่แบ่งแยก
"ผู้มีความบกพร่องทางการมองเห็น" ออกจาก "คนปกติ"
แน่นอนว่ามันไม่ใช่เพื่อการมองเห็นของเขา
แต่มันเพื่อการมองเห็นของคนอื่น ที่สะท้อนมายังเขาอีกทีต่างหาก
เพราะถึงเขามองไม่เห็น แต่เราเชื่อว่าเขารู้สึกได้
ว่าคนอื่นมองเขาด้วย "ความรู้สึก" อย่างไร
วันนี้ (24 เม.ย. 58) จากการคุ้ยเรื่องสั้นของ มรว.คึกฤทธิ์ เราไม่เจอเนื้อเรื่องที่เราต้องการ
แต่เราเจอมุมมองที่น่าสนใจมุมมองหนึ่ง
http://www.baanmaha.com/community/thread19376.html
ใครกันแน่ที่ตาบอดเพราะความรัก
คุณเคยเห็นคนตาบอดมั้ย?
คนตาบอด...ที่เดินไปไหนต่อไหนด้วยกันเป็นคู่
คุณอาจเจอพวกเขาได้ ในที่ที่มีคนอยู่เยอะๆ เช่น ตลาดนัด
พวกเขาไปที่นั่น เพราะหวังว่า...
คงจะมีคนใจบุญไปเดินอยู่ที่นั่นบ้าง
คนสองคนที่จับมือกัน...ค่อยๆ เดินกระเถิบไปด้วยกันทีละนิด...ทีละนิด...
เพราะต่างคน ต่างก็มองไม่เห็นอะไรกันทั้งคู่...
นอกจากไม้เท้าคนละอันแล้ว...ในมือพวกเขาถือวิทยุเก่าๆ เครื่องนึง
กับไมค์อีกหนึ่งอัน...ที่ขาดไม่ได้คือขันอลูมิเนียม...
อาวุธสำคัญที่ใช้หากินอยู่ทุกวัน...
ผมไม่คุ้นหูกับเพลงที่เขาร้องนักหรอก...
แต่ก็ดูว่าเขาตั้งใจร้องเหลือเกิน...
และดูเหมือนเขาก็หวังว่าคุณจะต้องชอบมัน
ผมเห็นเขาจับมือกัน...
วินาทีนั้น...ทำให้ผมนึกถึงอะไรบางอย่างที่ผมเคยมองข้ามมาตลอด
คุณเคยนึกถึงความรักของ "คนตาบอด" หรือเปล่า?
คนตาบอดรักกันได้ยังไงนะ?
เพราะคนตาบอด...ไม่เคยรู้เลยว่า คนรักของเขามีหน้าตาเป็นอย่างไร
คนตาบอด จะรู้จักก็เพียงจิตใจของคนรักของเขาเท่านั้น...
เมื่อเขามีความพอใจกันและกัน...ไม่มีเกียรติยศ-ศักดิ์ศรีให้กังวลใจ
เพราะต่างคนก็ต่างไม่มีสิ่งนี้...
ต่างคน ต่างก็ไม่มีเงิน...ตาสองข้าง ปิดสนิท แต่ "เปิดใจ" เข้าหากัน
คนสองคนที่อยู่ด้วยกันด้วย "ใจ" ล้วนๆ ความรัก...ก็เกิดจากตรงนั้น...
คนตาบอด พาคนที่เขารักไปด้วยกันทุกหนทุกแห่ง
คนตาบอด ไม่เคยกลับบ้านดึก
คนตาบอด ออกจากบ้านพร้อมกัน และกลับถึงบ้านพร้อมกัน
พวกเขาเคยแยกกันบ้างหรือเปล่านะ?
คุณรู้หรือเปล่า...คนตาบอดจับมือของคนที่เขารักไว้ตลอดทั้งวัน
คุณเคยทำอย่างเขาบ้างมั้ย?
ผมกลับมานึกถึงความรักของคนที่ตาดี...
หลายๆ คนมีเกียรติยศ หน้าที่การงาน ที่ดีเหลือเกิน...
หลายๆ คน ทั้งหล่อ ทั้งสวย ทั้งรวย ทั้งฉลาด
แต่พวกเราหลายๆ คนกลับต้องมาเสียใจเพราะความรัก...
หรือว่าพวกเรามองเห็นกัน...เพื่อที่จะเรียกร้องสิ่งที่เราต้องการให้มากขึ้น
เอ...พวกเราคาดหวังอะไรจากคนที่เรารัก...มากเกินไปหรือเปล่านะ?
อนาคตของคนตาบอดอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้...
ดูเหมือนเขาจะสงสัยก็เพียงแต่ว่า...
วันพรุ่งนี้...จะมีคนใจบุญสักกี่คน ที่ทำให้พวกเขากลับบ้านด้วยกันอย่างมีความสุข...
ตอนที่ผมเขียนกระทู้นี้อยู่ พวกเขาก็คงนอนหลับกันแล้ว
พวกเขาคงไม่มีงานที่ต้องทำดึกๆ เหมือนผมหรอก คุณว่ามั้ย??
ขอบคุณตลาดนัด...ที่ทำให้ผมเห็นภาพดีๆ ในวันนี้...
ผมเชื่อว่าครั้งหน้าที่คุณเห็นคนตาบอด...ใจของคุณจะเปิดกว้างขึ้น...คุณอาจเห็นภาพที่คุณไม่เคยมองเห็น...ไม่ใช่ด้วยตา...แต่เห็นด้วยหัวใจ...เหมือนกับภาพที่ผมได้เห็นในวันนี้...
ขอบคุณคนตาดี ที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ ^^
http://www.baanmaha.com/community/thread19376.html
ใครกันแน่ที่ตาบอดเพราะความรัก
คุณเคยเห็นคนตาบอดมั้ย?
คนตาบอด...ที่เดินไปไหนต่อไหนด้วยกันเป็นคู่
คุณอาจเจอพวกเขาได้ ในที่ที่มีคนอยู่เยอะๆ เช่น ตลาดนัด
พวกเขาไปที่นั่น เพราะหวังว่า...
คงจะมีคนใจบุญไปเดินอยู่ที่นั่นบ้าง
คนสองคนที่จับมือกัน...ค่อยๆ เดินกระเถิบไปด้วยกันทีละนิด...ทีละนิด...
เพราะต่างคน ต่างก็มองไม่เห็นอะไรกันทั้งคู่...
นอกจากไม้เท้าคนละอันแล้ว...ในมือพวกเขาถือวิทยุเก่าๆ เครื่องนึง
กับไมค์อีกหนึ่งอัน...ที่ขาดไม่ได้คือขันอลูมิเนียม...
อาวุธสำคัญที่ใช้หากินอยู่ทุกวัน...
ผมไม่คุ้นหูกับเพลงที่เขาร้องนักหรอก...
แต่ก็ดูว่าเขาตั้งใจร้องเหลือเกิน...
และดูเหมือนเขาก็หวังว่าคุณจะต้องชอบมัน
ผมเห็นเขาจับมือกัน...
วินาทีนั้น...ทำให้ผมนึกถึงอะไรบางอย่างที่ผมเคยมองข้ามมาตลอด
คุณเคยนึกถึงความรักของ "คนตาบอด" หรือเปล่า?
คนตาบอดรักกันได้ยังไงนะ?
เพราะคนตาบอด...ไม่เคยรู้เลยว่า คนรักของเขามีหน้าตาเป็นอย่างไร
คนตาบอด จะรู้จักก็เพียงจิตใจของคนรักของเขาเท่านั้น...
เมื่อเขามีความพอใจกันและกัน...ไม่มีเกียรติยศ-ศักดิ์ศรีให้กังวลใจ
เพราะต่างคนก็ต่างไม่มีสิ่งนี้...
ต่างคน ต่างก็ไม่มีเงิน...ตาสองข้าง ปิดสนิท แต่ "เปิดใจ" เข้าหากัน
คนสองคนที่อยู่ด้วยกันด้วย "ใจ" ล้วนๆ ความรัก...ก็เกิดจากตรงนั้น...
คนตาบอด พาคนที่เขารักไปด้วยกันทุกหนทุกแห่ง
คนตาบอด ไม่เคยกลับบ้านดึก
คนตาบอด ออกจากบ้านพร้อมกัน และกลับถึงบ้านพร้อมกัน
พวกเขาเคยแยกกันบ้างหรือเปล่านะ?
คุณรู้หรือเปล่า...คนตาบอดจับมือของคนที่เขารักไว้ตลอดทั้งวัน
คุณเคยทำอย่างเขาบ้างมั้ย?
ผมกลับมานึกถึงความรักของคนที่ตาดี...
หลายๆ คนมีเกียรติยศ หน้าที่การงาน ที่ดีเหลือเกิน...
หลายๆ คน ทั้งหล่อ ทั้งสวย ทั้งรวย ทั้งฉลาด
แต่พวกเราหลายๆ คนกลับต้องมาเสียใจเพราะความรัก...
หรือว่าพวกเรามองเห็นกัน...เพื่อที่จะเรียกร้องสิ่งที่เราต้องการให้มากขึ้น
เอ...พวกเราคาดหวังอะไรจากคนที่เรารัก...มากเกินไปหรือเปล่านะ?
อนาคตของคนตาบอดอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้...
ดูเหมือนเขาจะสงสัยก็เพียงแต่ว่า...
วันพรุ่งนี้...จะมีคนใจบุญสักกี่คน ที่ทำให้พวกเขากลับบ้านด้วยกันอย่างมีความสุข...
ตอนที่ผมเขียนกระทู้นี้อยู่ พวกเขาก็คงนอนหลับกันแล้ว
พวกเขาคงไม่มีงานที่ต้องทำดึกๆ เหมือนผมหรอก คุณว่ามั้ย??
ขอบคุณตลาดนัด...ที่ทำให้ผมเห็นภาพดีๆ ในวันนี้...
ผมเชื่อว่าครั้งหน้าที่คุณเห็นคนตาบอด...ใจของคุณจะเปิดกว้างขึ้น...คุณอาจเห็นภาพที่คุณไม่เคยมองเห็น...ไม่ใช่ด้วยตา...แต่เห็นด้วยหัวใจ...เหมือนกับภาพที่ผมได้เห็นในวันนี้...
ดีนะที่เราแค่สายตาสั้น ไม่ได้ตาบอด (ตามเพลงนี้นอกจากตาบอดแล้วยังเฉียดนรกด้วย) 555+
No comments:
Post a Comment