แต่ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างทำให้ไม่ได้เรียน ...
จนทุกวันนี้ เราก็ยังสนใจในศาสตร์นี้อยู่
Cybernetics คืออะไร มันคือศาสตร์แห่งการศึกษาการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์ระหว่างคน/สัตว์ และเครื่องจักร (the science of communication and control theory that is concerned especially with the comparative study of automatic control systems (as the nervous system and brain and mechanical-electrical communication systems))
หาอ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ cybernetics definition
แนวคิดพื้นฐาน คือ การจัดการหรือควบคุม [เครื่องมือ] เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ โห...กว้างมาก แต่กระบวนการย่อยมันคือ การทดลอง ฝึก ฝึก ฝึก และต้องอาศัยผลป้อนกลับสม่ำเสมอ ทีนี้เราก็ต้องเฝ้าสังเกตผลกระทบที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการเหล่านั้น การสื่อสารระหว่างคน/สัตว์ กับเครื่องมือเหล่านั้น ข้อมูลที่ไหลเวียนระหว่างคนกับเครื่องจักร เกิดปฏิกริยาอะไรบ้างในสมอง ร่างกาย เครื่องจักร สังคม สิ่งแวดล้อม ? (พวกบ้าหุ่นยนต์ บ้า gadget จะเข้าใจดีนะ ทั้งอะตอม โดราเอมอน Sentai Robocop แม็กไกเวอร์ ฯลฯ พวกนี้คือ Socialize รูปแบบหนึ่ง)
รูปข้างบน สีดำๆ เนี่ย แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่าง AI กับ cybernatics ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องเดียวกัน จริงๆ แล้ว AI เป็นเพียงส่วนหนึ่งในกระบวนทัศน์ด้าน Cybernatics เท่านั้น
เกือบ 20 ปีก่อนแค่สนใจเรื่องเกี่ยวกับ gadget และเครื่องมือต่างๆ กับจิตวิทยาแยกออกจากกัน แต่พอได้เรียนมากขึ้น บวกกับการสังเกตคนรอบข้าง และเทคโนโลยีกระแสใหญ่มากที่เข้ามาในตอนนั้น (เด็กครุฯ ก็งี้ เรียนมันทุกเรื่อง เพื่อนให้ช่วยแปลมันทุก field) เริ่มสนใจผลกระทบของเว็บ และเว็บแชท (สมัย Pirch/ICQ) โอ้วววว ก่อน MSN/ Hi5/ Facebook/ Twitter/Google+ ซะอีก เมื่อยี่สิบปีที่แล้วตอนที่เล่นเน็ตกันใหม่ๆ ต่อกันยากมาก แล้วช่วงจังหวะตรงนั้นอ่ะ มันมีอารมณ์เกิดขึ้นเยอะ เคยป่ะ แบบต่อไม่ติดแล้วเหวี่ยงอ่ะ คือ เหวี่ยงจริงๆ นะ!
เวลาเห็นเพื่อนไปหอกลางหรือเข้าร้านเพื่อแชท เราก็สงสัยเสมอว่า ทำไมแค่การคุยกันผ่านตัวหนังสือทางเน็ต จริงป่าวก็ไม่รู้ ทำให้คน "ติด" ได้ขนาดนั้นเลย อาการเมื่อไม่สามารถแชทได้ มีอาการไม่ต่างกับคนติดอะไรมากๆ ตัวเราเองก็เหอะ อย่าให้ได้ลองอะไร พอเล่นแล้วยาว ไม่หลับไม่นอนเท่านั้น! ในทุกๆ อย่าง คือ ณ จุดที่ตัวเองเข้าไปติด .... เราจะไม่รู้สึกตัวหรอก ไม่ว่าจะเกม หรือแชท หรือเว็บบอร์ด หรือแม้แต่การท่องเน็ตธรรมดา... บางครั้งหลุดโลกไปเลย
Facebook เริ่ม Feb 4, 2004 ตอนนั้นก็ยัง chat/MSN หลังๆ เป็น Hi5 กันไป เราก็ว่ามันมีอิทธิพลกับสังคม วัฒนธรรมเราเยอะนะ แต่ยังไม่เป็นกระแสในสื่อ Above the line ยังเป็น Below the line อยู่
ณ ตอนนี้ผ่านมา 11 ปีแล้ว เรายังรู้สึกทึ่งเหมือนกันว่า มันมีอิทธิพลกับโลกขนาดนี้เลยเรอะ! มันกลายเป็นแขนขา มันกลายเป็น "เครื่องขยายอายตนะ" ที่เราแทบจะขาดมันไม่ได้ เหมือนกับขาดแล้วทัศนวิสัยจะลดลง ไม่รู้ ไม่เห็นอะไร จะพูดจะคุยก็ต้องใช้ ทำงานก็ต้องใช้ ขายของก็ต้องใช้ ร้องเรียนก็ต้องใช้ จีบกันก็ต้องใช้ เฮ้ย!!!
[เราถาม : คนเราสมัยนี้ ใช้ชีวิตอยู่บนโลกสองใบ คือโลกจริง ที่เราใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 6 รับรู้มันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน กับโลกเสมือน ที่เราใช้ประสาทสัมผัสแค่ 2 จาก 6 อย่าง แต่ทำไมสามารถทำให้เรารู้สึก ดีใจ เสียใจ โกรธ ฯลฯ ได้มากเท่าๆ หรือบางทีจะพอๆ กับโลกจริง?
เราไปหาคำตอบมา : คนเราคิดว่าเราได้สัมผัสรับรู้โลกที่เป็นจริง แต่โลกตามที่เราเข้าใจเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นจากการหลอกลวงของภาษา เราสับสนและเจ็บปวดเพราะเรา "ยึดติด" กับการปรุงแต่งทางความคิดราวกับว่ามันเป็นโลกเสียเอง!]
ถ้ามันจะไม่มีอิทธิพลกับเรามากขนาดนี้ เราคงไม่รู้สึกอะไร เพราะเวลาไปปฏิบัติธรรมก็เฉยๆ กับการไม่มีเครื่องมือสื่อสาร ... แม้กระทั่งในชีวิตประจำวันก็เหอะ (อันนี้ก็สุดโต่งไปนะ)
เดี๋ยวมาคุยกันต่อ ว่าความเชื่อมโยงมันเป็นยังไง ทำไมขอบเขตของโลกจริงและโลกเสมือนถึงไม่มีอีกต่อไปแล้ว
And...I think to myself whether I am a girl or machine?
No comments:
Post a Comment