เคยอ่านเรื่อง Future Economy กันมั้ยคะ โลกเรา โดยเฉพาะประเทศไทยและประเทศที่พัฒนาแล้วอีกหลายประเทศ กำลังเข้าสู่ยุคของประชากรสูงวัยอย่างเต็มภาคภูมิ น่าภูมิใจมากกก
มีผลการศึกษาของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล (2549) ได้ฉายภาพไว้ว่า ในปี 2558 ซึ่งก็คือปีนี้ ประเทศไทยจะมีประชากรรวม 64.6 ล้านคน ต้องรอดูตัวเลขในเดือนมีนาคม ว่าจะมากกว่าหรือไม่ ซึ่งหากน้อยกว่าแล้วละก็ หมายความว่า...อัตราการเกิดของเราน้อยกว่าตัวเลขที่ประมาณการไว้เสียอีก ! (ธ.ค. 2557 ไทยมีประชากรที่สัญชาติไทยและมีชื่อในทะเบียนบ้าน 63.95 ล้านคน)
แล้วตอนนี้ ณ ธ.ค. 2557 โครงสร้างของประชากรเป็นอย่างไร?
- เด็ก (ต่ำกว่า 15 ปี) >> 11.70 ล้านคน >> 18.29 %
- วัยแรงงาน (15-59ปี) >> 43.14 ล้านคน >> 67.46 %
- ผู้สูงอายุ (60++ปี) >> 9.11 ล้านคน >> 14.25 %
เราแอบทึ่งผลประมาณการที่ใกล้เคียงมาก เพราะข้อมูล ณ ปี 2548 บอกว่าปี 2558 โครงสร้างประชากรไทย วัยเด็ก : วัยแรงงาน : ผู้สูงอายุ จะเป็น 19.00% : 67.00% : 14.00%
นอกจากนี้ ยังมีตัวบ่งชี้อีกสองตัวที่สำคัญ คือ ดัชนีผู้สูงอายุ (สัดส่วนของผู้สูงอายุ / เด็ก 100 คน) และ อัตราส่วนพึ่งพิง (วัยเด็ก - ผู้สูงอายุ หรือจำนวนประชากรวัยเด็ก-ผู้สูงอายุต่อประชากรวัยทำงาน 100 คน)
- ดัชนีผู้สูงอายุ >> 73.4 (ปี 2558) และ 174.4 (ปี 2578....ซึ่งในปีนั้นเรา 59 แล้ว!)
- อัตราส่วนพึ่งพิง >> 49.3 เป็น เด็ก 28.4 ผู้สูงอายุ 20.9 (ปี 2558) และ
65.2 เป็น เด็ก 23.7 ผู้สูงอายุ 41.4 (ปี 2578)
ถามว่าเราจะเอาแรงงานมาจากไหนในอีก 20 ปีข้างหน้าที่ผู้สูงอายุมีมากขนาดนั้น ... ไม่ต้องห่วงค่ะ ประเทศข้างบ้านพวกเราล้วนเป็นแหล่งแรงงานชั้นดี ล้วนเป็นประเทศที่มีอัตราการเกิดสูง ไปไหนมาไหนเจอแต่วัยรุ่น
แล้วก็ไม่ต้องกลัวแปลกแยกไป เพราะภาพคร่าวๆ ของทั่วโลก พบว่า กลุ่ม Baby Boomer ที่เป็นประชากรกลุ่มใหญ่ที่สุด รวมกับคนยุคสงครามแบบพ่อของเราด้วยแล้วจะเป็นประชากรกว่า 1/3 เลยทีเดียว
ทีนี้จะเกิดอะไรขึ้น คนกลุ่มนี้ไม่น้อยหรืออาจจะเป็นส่วนใหญ่ จะมีกิจกรรมที่ active มากกว่ายุคก่อนๆ เพราะผ่านยุคทำงานหนัก แต่ยังรู้สึกว่า ถ้าไม่ทำงานสภาพร่างกายจะแย่ลง นอกจากนี้ การที่สามารถรักษาไลฟ์สไตล์ในอดีตไว้ได้บางครั้งก็เป็นตัวชี้วัดถึง "การมีชีวิต" อย่างหนึ่งด้วย
แต่จริงๆ แล้ว เราจะทำงานได้จนถึงอายุเท่าไร? เราจะเที่ยวได้จนถึงอายุเท่าไร?
Well traveled ของเราก็คือครั้งนั้น ครั้งที่เราพาบิดาวัย 70 ไปเที่ยวภูกระดึง
กว่าจะมายืนได้ขนาดนี้ ของทั้งหมดเก๊าะให้ "ลูก" หาบให้คร๊าบบบ แต่พ่อก็ทำให้เรามาเยอะแล้วนิเนอะ ^^ |
พ่อมักจะพูดให้ได้ยินเสมอว่า อยากไปเที่ยวภูกระดึง แต่คือหาคนไปด้วยไม่ได้นั่นแหละค่ะ เลยอยากให้ลูกพาไป วันนั้นลูกกะว่าจะหนีเที่ยวซะหน่อย อุตส่าห์บอกซะใกล้เที่ยงคืน ฉุกละหุกขนาดนั้น แต่..."พ่อไปด้วยสิ" 555+ อ่ะ ไปก็ไป!
ไปฉุกละหุกอย่างนี้ แน่นอนว่าต้องมีความไม่สะดวกเกิดขึ้นหลายอย่าง ดีว่าพ่อเราอึด! ขั้นแรกคือเหนื่อยเพราะต้องปรับสภาพกับที่สูง ต่อมาคือร้อนและเหนื่อยเพราะอุปกรณ์ติดตัว จนเราต้องรับมาแบกไว้ทั้งหมด ไม่เคยเห็นพ่อเหนื่อยขนาดนั้นเลยอ่ะ
พอไปถึงก็พบว่า ประชากรผู้สูงวัย 6-70 เป็นกลุ่มที่มีไม่มากค่ะ แต่ก็มีนะ เพราะตอนแรกพ่อก็เหนื่อย และทำท่าเหนื่อย แต่พอขึ้นไปเจอคนที่สวนทางกันพ่อเราฮึดขึ้นมาเลยเชียว ^^ ขาขึ้น เจอคนที่อายุใกล้เคียงค่ะ แต่ส่วนใหญ่น้อยกว่า พ่อจะมีความสุขมากเวลาบอกคนที่ถามว่าอายุ 70 แล้ว 555 ยิ่งไปข้างบน เราก็ต้องประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นว่ามีผู้สูงวัยหลายท่านขึ้นมาก่อนแล้ว ... ท่านให้ลูกหาบหามขึ้นมาค่ะ แต่ก็เป็นความพยายามจนขึ้นได้นะคะ เห็นมั้ย...เรื่องเที่ยวไม่จำกัดอายุสักหน่อย
ขาลงเจอผู้สูงวัยอีกชุด ซึ่งเป็นแม่กับลูกสาว ผู้เป็นแม่อายุ 71 แล้ว พ่อเราเลยฮึดขึ้นมาอีก! แล้วก็ก้มมองรองเท้า...เค้าพร้อมเนอะ (แหงล่ะพ่อ -_-") เลยมีการเปลี่ยนรองเท้ากันขึ้น จริงๆ แล้ว converse มันไม่ใช่รองเท้าที่ดีเลยนะสำหรับการขึ้นเขา เราเข็ดเหมือนกัน แต่ก็ยังดีกว่ารองเท้าหนังของพ่อแหละค่ะ
รองเท้าเป็นสิ่งสำคัญมากเวลาขึ้นเขานะคะ ยิ่งช่วงลงเขา เข่าต้องรับแรงกระแทกมากต้องมีการเตรียมร่างกายที่ดีกว่านี้สำหรับเราและพ่อ (เราเป็นหนึ่งเสียงที่ไม่สนับสนุนการทำกระเช้านะคะ บรรยากาศแบบนี้จะหายไปทันที)
พอถึงข้างบนก็สบายแล้วค่ะ เดินตัวปลิวอย่างที่เห็นในภาพล่างซ้าย ด้านขวาคือการเดินเที่ยวในจุดต่างๆ เดินกันมันส์มาก ดีที่พ่อเราเป็นคนชอบเดิน และด้วยความที่เป็นครูสอนลูกเสือด้วย ก็จะมีจุดสังเกตโน่นนี่นั่นให้เราดูได้เรื่อยๆ เราถามพ่อบ้าง พ่อถามเราบ้าง ถามเพื่อนเราบ้าง สนุกดีค่ะ คือบางทีพ่อก็คุยจนเลยเถิด คุยกับคนอื่นจนลืมลูกไปเลยก็มีค่ะ -_-"
มาดูสภาพที่พักและที่กินข้างบนภูบ้างนะคะ สะดวกสบายมาก มีอุปกรณ์พักแรมให้เช่า และมีเยอะเพียงพอที่จะรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลในวันหยุดเทศกาลด้วย ที่ไม่สบายนิดหน่อยเห็นจะเป็นห้องน้ำ เพราะแถวยาว โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าดีสุดๆ แล้วนะคะ การเลือกพักขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละท่านค่ะ
ไปฉุกละหุกอย่างนี้ แน่นอนว่าต้องมีความไม่สะดวกเกิดขึ้นหลายอย่าง ดีว่าพ่อเราอึด! ขั้นแรกคือเหนื่อยเพราะต้องปรับสภาพกับที่สูง ต่อมาคือร้อนและเหนื่อยเพราะอุปกรณ์ติดตัว จนเราต้องรับมาแบกไว้ทั้งหมด ไม่เคยเห็นพ่อเหนื่อยขนาดนั้นเลยอ่ะ
ที่ 800 เมตร เราโดนเพื่อนรุมอย่างหนักว่าเอาพ่อไปทรมาน T_T |
พอไปถึงก็พบว่า ประชากรผู้สูงวัย 6-70 เป็นกลุ่มที่มีไม่มากค่ะ แต่ก็มีนะ เพราะตอนแรกพ่อก็เหนื่อย และทำท่าเหนื่อย แต่พอขึ้นไปเจอคนที่สวนทางกันพ่อเราฮึดขึ้นมาเลยเชียว ^^ ขาขึ้น เจอคนที่อายุใกล้เคียงค่ะ แต่ส่วนใหญ่น้อยกว่า พ่อจะมีความสุขมากเวลาบอกคนที่ถามว่าอายุ 70 แล้ว 555 ยิ่งไปข้างบน เราก็ต้องประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นว่ามีผู้สูงวัยหลายท่านขึ้นมาก่อนแล้ว ... ท่านให้ลูกหาบหามขึ้นมาค่ะ แต่ก็เป็นความพยายามจนขึ้นได้นะคะ เห็นมั้ย...เรื่องเที่ยวไม่จำกัดอายุสักหน่อย
ขาลงเจอผู้สูงวัยอีกชุด ซึ่งเป็นแม่กับลูกสาว ผู้เป็นแม่อายุ 71 แล้ว พ่อเราเลยฮึดขึ้นมาอีก! แล้วก็ก้มมองรองเท้า...เค้าพร้อมเนอะ (แหงล่ะพ่อ -_-") เลยมีการเปลี่ยนรองเท้ากันขึ้น จริงๆ แล้ว converse มันไม่ใช่รองเท้าที่ดีเลยนะสำหรับการขึ้นเขา เราเข็ดเหมือนกัน แต่ก็ยังดีกว่ารองเท้าหนังของพ่อแหละค่ะ
สองแม่ลูกที่เจอกันตอนขาลง คุณแม่ด้านขวาสุดอายุ 71 ปีแล้วค่ะ ทั้งสองท่านมาจากนครศรีธรรมราช |
ของที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับผู้สูงวัยเวลาเดินทางขึ้นเขาแบบนี้ น้ำมันเหลืองสารพัดประโยชน์ |
รองเท้าเป็นสิ่งสำคัญมากเวลาขึ้นเขานะคะ ยิ่งช่วงลงเขา เข่าต้องรับแรงกระแทกมากต้องมีการเตรียมร่างกายที่ดีกว่านี้สำหรับเราและพ่อ (เราเป็นหนึ่งเสียงที่ไม่สนับสนุนการทำกระเช้านะคะ บรรยากาศแบบนี้จะหายไปทันที)
พอถึงข้างบนก็สบายแล้วค่ะ เดินตัวปลิวอย่างที่เห็นในภาพล่างซ้าย ด้านขวาคือการเดินเที่ยวในจุดต่างๆ เดินกันมันส์มาก ดีที่พ่อเราเป็นคนชอบเดิน และด้วยความที่เป็นครูสอนลูกเสือด้วย ก็จะมีจุดสังเกตโน่นนี่นั่นให้เราดูได้เรื่อยๆ เราถามพ่อบ้าง พ่อถามเราบ้าง ถามเพื่อนเราบ้าง สนุกดีค่ะ คือบางทีพ่อก็คุยจนเลยเถิด คุยกับคนอื่นจนลืมลูกไปเลยก็มีค่ะ -_-"
แต่ข้อดีของการช่างคุยก็คือ การได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมทาง หรือแม้แต่คนในพื้นที่ค่ะ ^^
รถแต๊ก ทุ่นแรงเราไปได้โข ^^ |
ยอมใครที่ไหนนายแบบของเรา ^^ แย่งถ่ายรูปกับเด็กๆ เค้าล่ะ |
พักเต้นท์คูลๆ ค่ะ มีน้องกวาง น้องหมาแวะมาเยี่ยมเยียนด้วย ^^ |
ข้างบนอุณหภูมิประมาณ 11 องศาค่ะ ผู้สูงอายุร่างกายจะหนาวง่าย ต้องเตรียมเครื่องกันหนาวไปเยอะหน่อยนะคะ พ่อเราพอทาน้ำมันเหลืองก็จะหนาวยิ่งขึ้นไปอีกค่ะ 555+
อาหารมีให้เลือกแบบง่ายๆ ร้อนๆ ไม่ลำบากสำหรับผู้สูงอายุเลยค่ะ ราคาสูงกว่าภาคพื้น แต่ถ้าเห็นการหาบของลูกหาบแล้ว จ่ายเถอะค่ะ เป็นการกระจายรายได้อย่างหนึ่ง
พ่อสนุกสนานมากมายกับการท่องเที่ยวครั้งนั้นค่ะ อาจจะเป็นเพราะยังมีแรงอยู่มากก็ได้ เพราะหลังจากนั้น 5 ปี พ่อเราก็แข็งแรงน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ เริ่มอยากเที่ยวแต่อะไรที่ไม่ต้องปีนแล้ว ถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะยังปีนบันไดตัดต้นไม้อยู่ก็ตาม
มิตรภาพระหว่างทาง ก่อนที่จะลงมารักษาตัวข้างล่างค่ะ ^^ |
ขอบคุณเพื่อนนกมากมาย สำหรับการท่องเที่ยวสุดประทับใจของเราในครั้งนั้นนะ ^^ |
เราเชื่อว่า ผู้สูงวัยหลายท่านที่มีเวลาว่าง และมีสตางค์มากพอที่จะท่องเที่ยว สามารถที่จะเลือกเที่ยวได้ตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนนะคะ ณ ตอนนี้ เรามีเพื่อนใน old charm gang (อายุ 60) ที่ต้องการพาคุณแม่วัย 80++ ไปเที่ยวด้วยเหมือนกัน แต่มีข้อจำกัดคือ คุณแม่ไม่ค่อยแข็งแรงและต้องใช้รถเข็น ซึ่งในกรณีนี้อาจจะต้องตรวจสอบข้อจำกัดและสิ่งอำนวยความสะดวกของสถานที่ท่องเที่ยวและที่พักไปก่อนค่ะ
- เรื่องที่พัก
หากไม่มีข้อจำกัดด้านร่างกายและสามารถเดินทางได้ โดยไม่ต้องใช้รถเข็น เราสามารถเที่ยวกันได้จนถึงอายุ 7-80 โน่นเลยทีเดียว (จะบอก 90 ก็เกรงใจนะ) อาจมีข้อแม้คือต้องไม่ใช้ bunk bed และห้องน้ำรวม เพราะการเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนมันลำบาก ดังนั้น hostel แบบที่เราชอบคงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก (แต่ถ้าพ่อแม่ชอบก็จัดนะคะ เพราะบางท่านอาจจะชอบอะไรลุยๆ เล็กๆ เต้นท์ก็สนุกดีปูฟูกหนาๆ อืมมมม) ลองดูกระทู้นี้ได้ แม่ผมเกษียณไปเป็น Backpacker
สำหรับที่พัก เท่าที่เราดูมาแต่ละที่เราว่าไม่ลำบากเลยสำหรับอายุ 6-7 ที่ยังแข็งแรง ถ้าที่พักไม่สูงนักหรือมีลิฟต์สำหรับขนของ อาหารส่วนใหญ่มีอาหารอ่อนและย่อยง่ายให้อยู่แล้ว อาจจะลำบากนิดหน่อยเรื่องหยูกยาและสถานพยาบาล ก็คงจะต้องเตรียมดูไว้บ้างเผื่อกรณีฉุกเฉิน เพราะที่พักหลายแห่งคงไม่ได้คิดเผื่อไว้สำหรับกรณีนี้ พนักงานอาจจะช๊อกและโกลาหลได้
- สถานที่เที่ยว
สถานที่เที่ยวที่แนะนำสำหรับผู้สูงวัยน่าจะไม่พ้นการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การชื่นชมธรรมชาติ ชื่นชมสถาปัตยกรรม Display ร้านค้าต่างๆ ทั้งที่เป็นห้างร้านและในตลาด (เกี่ยวมั้ย?) และเนื่องจากกิจกรรมโลดโผน ติ๊ดชึ่ง เหล้ายาปลาปิ้ง หรือการเมาหัวราน้ำจะลดปริมาณความหนักลง (ไม่รวมกลุ่มที่ +/- 3 SD นะคะ) วัยนี้จะหันมาชื่นชมรายละเอียดของสิ่งต่างๆ ที่ไปมากกว่าวัยอื่นๆ เราขอใช้คำว่า Deliberate Travel นะ คือค่อยๆ ดู ค่อยๆ ละเลียดความรู้สึกจากการรับสัมผัสทั้งหมดเข้าไปข้างใน
ดังนั้น อุปกรณ์ถ่ายภาพ อุปกรณ์สำหรับบันทึกการเดินทาง และเครื่องมือในการหาข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวด้วยตัวเอง (ต๊ายยย เราก็ไม่ต่างกัน LoL) เป็นสิ่งที่ไม่ควรพลาดหรือถ้าไปหาตามแหล่งท่องเที่ยวได้จะดีมาก :P ขี้เกียจพก (พ่อเราใช้วิธีถามแล้วก็เดินดูจากป้ายตามนิสัย ทำเอาจอยอึ้งมาแล้ว ตอนนี้เราสบายขึ้นมากเลยที่มี google image search แชะแล้วรู้เลย ^^)
หรือไม่กิจกรรมยอดนิยมอีกกิจกรรม ก็อาจจะต้องการห้องหับที่บรรยากาศดีๆ เพื่อล้อมวง... LOL
- กิจกรรม
ต่อไปอาจจะมี Trend ใหม่ก็ได้นะ อาจจะเป็นพวกท่องเที่ยวกึ่งอาสา (ตอนนี้มีแล้วนะคะ เป็นไซต์ของนักข่าวอเมริกันท่านหนึ่ง) เป็นความชอบส่วนตัวของเราด้วย ^^ เพราะบางทีคนเราอายุมากขึ้นก็อาจจะอยากรู้สึกแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์และความสามารถของตัวเองให้กับคนที่ต้องการ แต่...พอดูโครงสร้างประชากรข้างต้นแล้ว การแบ่งปันประสบการณ์น่าจะเป็นกับคนต่างวัฒนธรรมมากกว่าคนต่างรุ่น ... เพราะเราเริ่มเหลือคนต่างรุ่นให้แบ่งปันน้อยลงแล้ว อีกกิจกรรมหนึ่งที่อาจจะฮิตก็แคมป์เวชศาสตร์ชะลอวัย LoL
แล้วโลกในอนาคตของเราจะเป็นยังไง??
ในเมื่อบางที แก่แล้วก็ใช้เงินของตัวเองไม่ได้ ถูกพวกรุ่นหลังๆ หลอกบ้าง โกงบ้าง บางทีมีเงินก็ใช่ว่าจะปลอดภัย ฯลฯ อย่าหวังมากนักว่าลูกหลานจะดูแล เพราะเขาก็มีชีวิตของเขา แล้วอะไรคือความหมายของการมีชีวิตอยู่ในช่วงหลัง 70?
จริงๆ แล้วจุดมุ่งหมายในการมีชีวิตอยู่...ยาวนานขนาดนั้น เพื่ออะไรกันแน่นะ?
No comments:
Post a Comment